งานด้านการกุศล ของ เจ. เค. โรว์ลิง

โรว์ลิงก่อตั้งมูลนิธิเดอะโวแลนท์ชาร์ลิตีทรัสขึ้น มีเงินในกองทุนกว่า 5.1 ล้านปอนด์เพื่อต่อต้านปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียมในสังคม กองทุนนี้ยังมอบเงินให้แก่องค์กรที่ช่วยเหลือเด็ก ครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวและผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งอีกด้วย[146][163]

หน่วยงานสงเคราะห์เด็กและต่อต้านความยากจน

โรว์ลิงซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ณ ตอนนี้เธอรับตำแหน่งเป็นประธานของมูลนิธิคอมมิครีลิฟ (ชื่อเดิมคือ วันแพเรนท์แฟมิลี) เธอได้เป็นผู้แทนของมูลนิธิคนแรกเมื่อปี 2000[164][165] โรว์ลิงร่วมมือกับซาร่า บราวน์ ในการเขียนหนังสือเด็กเพื่อให้ช่วยเหลือความช่วยเหลือแก่มูลนิธิวันแพเรท์แฟมิลีส์[166]

ในปี 2001 ณ งานระดมทุนต่อต้านความยากจนของมูลนิธิคอมมิครีรีฟได้เชิญสามนักเขียนหนังสือขายดีชาวอังกฤษ ได้แก่ ดีเลีย สมิธ นักเขียนหนังสือทำอาหาร, เฮเลน ฟีลดิง และโรว์ลิง เพื่อการนำเสนอผลงานที่เกี่ยวข้องกับงานเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดของพวกเขาแก่สาธารณะ[167] โรว์ลิงเขียนหนังสือเล่มเล็กสองเล่มคือ สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่และควิดดิชในยุคต่าง ๆ โดยออกแบบให้ดูเหมือนหนังสือในห้องสมุดฮอกวอตส์ นับตั้งแต่การวางขายในเดือนมีนาคม ปี 2001 หนังสือทั้งสองเล่มสร้างรายได้เข้ากองทุนกว่า 15.7 ล้านปอนด์และอีกกว่า 10.8 ล้านปอนด์จากการขายนอกสหราชอาณาจักร รายได้ได้นำไปมอบให้กับกองทุนนานาชาติเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ประสบภัยพิบัติ[168] ในปี 2002 โรว์ลิงได้เขียนคำนำให้หนังสือเรื่อง เมจิก หนังสือรวมบทประพันธ์ที่ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บลูมบิวส์ลีเพื่อมอบรายได้ให้แก่สภานานาชาติเพื่อพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว[169]

ในปี 2005 โรว์ลิงและสมาชิกสภายุโรป เอ็มมา นิโคลสัน ได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิชิลเดรนไฮเลเวลกรุ๊ป (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น ลูมอส)[170] นอกจากนั้นในเดือนมกราคม ค.ศ. 2006 โรว์ลิงเดินทางไปที่บูคาเรสต์เพื่อเน้นย้ำถึงการใช้เตียงลูกกรงกับเด็กในโรงพยาบาลจิตเวช[171] และเพื่อเป็นการสนับสนุนแก่มูลนิธิชิวเดรนไฮเลเวลกรุ๊ป โรว์ลิงเปิดให้ประมูลหนึ่งในเจ็ดเล่มของหนังสือนิทานของบีเดิลยอดกวี ซึ่งเป็นผลงานรวมนิทานที่มีการกล่าวถึงในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต โดยเธอได้เขียนและวาดภาพประกอบด้วยมือเธอเอง และถูกซื้อไปในราคา 1.95 ล้านปอนด์จากการซื้อผ่านเว็บไซต์อเมซอน.คอมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2007 เป็นหนังสือที่มีราคาแพงที่สุดตลอดกาลจากการประมูล[172][172][173] โรว์ลิงมอบหนังสืออีกหกเล่มที่เหลือคนที่ใกล้ชิดกับหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์[172] จากนั้นในปี 2008 โรว์ลิงตกลงให้มีการตีพิมพ์หนังสือ ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะมอบให้กับมูลนิธิลูมอส[115] ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2013 โรว์ลิงส่งมอบรายได้ทั้งหมดจากการขายหนังสือนิทานของบีเดิลยอดกวีแก่มูลนิธิลูมอสเป็นจำนวนเงินกว่า 19 ล้านปอนด์[174]

การช่วยเหลือผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง

โรว์ลิงได้มอบเงินและให้การสนับสนุนแก่งานวิจัยและการรักษาโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ซึ่งเป็นโรคที่แม่ของเธอป่วยก่อนที่จะเสียชีวิตลงในปี 1990 จากนั้นในปี 2006 โรว์ลิงบริจาคเงินจำนวนมากเพื่อการสร้างศูนย์ปฏิรูปทางการแพทย์แห่งใหม่ที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระ ภายหลังใช้ชื่อว่าคลินิคแอนน์ โรว์ลิงเพื่อการปฏิรูปประสาทวิทยา[175] ในปี 2010 เธอบริจาคเงินให้กับศูนย์เพิ่มอีก 10 ล้านปอนด์[176] นอกจากนี้ประเทศสก็อตแลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่โรว์ลิงให้การดูแลอยู่ยังมีอัตราผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งมากที่สุดในโลกอย่างไม่ทราบเหตุผลแน่ชัด ในปี 2003 โรว์ลิงได้เข้าร่วมการรณรงค์เพื่อสร้างมาตรฐานสากลเกี่ยวกับการดูแลผู้ปวยโรคนี้[177] อย่างไรก็ตามในปี 2009 เธอประกาศขอถอนตัวออกจากการเป็นผู้อุปถัมภ์ของสมาคมผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งในสก็อตแลนด์หรือเอ็มเอสเอสเอส พร้อมระบุว่าเธอไม่สามารถแก้ไขปัญหาความบาดหมางกันระหว่างองค์กรทางเหนือกับสาขาทางใต้ที่มีอย่างไม่หยุดยั้งได้ เป็นการบั่นทอนกำลังใจและนำไปสู่การลาออกในที่สุด[177]

งานการกุศลด้านอื่น

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2008 ร้านหนังสือวอเทอร์สโตนส์ได้เสนอให้โรว์ลิงและนักเขียนอีกสิบสองคน (อาทิ ดอริส เลสซิง, นิก ฮอร์นบี, มาร์กาเร็ต แอทวูด เป็นต้น) เพื่อให้เขียนเรื่องสั้นของพวกเขาลงบนกระดาษการ์ดขนาด A5 ซึ่งจะมีการนำไปประมูลเพื่อช่วยเหลือมูลนิธิดิสเล็กเซียแอคชันเพื่อผู้ป่วยภาวะเสียการอ่านเข้าใจและสมาคม PEN ของอังกฤษ งานเขียนของโรว์ลิงคือพรีเควลแฮร์รี่ พอตเตอร์ ความยาว 800 คำ เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของเจมส์ พอตเตอร์กับซีเรียส แบล็ก พ่อและพ่อทูนหัวของแฮร์รี่ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นสามปีก่อนแฮร์รี่เกิด พรีเควลได้ถูกนำออกแสดงและขายเพื่อการกุศลในรูปแบบหนังสือเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008[178]

ในวันที่ 1 และ 2 สิงหาคม ค.ศ. 2006 เธอได้อ่านหนังสือร่วมกับสตีเฟน คิงและจอห์น เออร์วิงในงานที่เรดิโอซิตี้ มิวสิกฮอลล์ในนครนิวยอร์ก โดยกำไรจากงานได้นำไปบริจาคให้กับองค์การแพทย์ไร้พรมแดนและมูลนิธิเดอะเฮเว่น ซึ่งเป็นมูลนิธิที่มุ่งช่วยเหลือศิลปินและนักแสดงที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองหรือทำงานได้[179] ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2007 โรว์ลิงได้สัญญาที่จะบริจาคเงินมากกว่า 250,000 ปอนด์ (ตามรายงานของนิวส์ออฟเดอะเวิลด์) เพื่อเป็นเงินรางวัลตอบแทนหากแมเดลีน แม็คเคนน์ เด็กสาววัยสามขวบที่หายตัวไปที่ประเทศโปรตุเกสกลับมาได้อย่างปลอดภัย[180] โรว์ลิงยังได้ร่วมกับเนลสัน แมนเดลา, อัล กอร์ และอลัน กรีนสแปน ในการเขียนคำนำแก่บทรวมสุนทรพจน์ของกอร์ดอน บราวน์ เพื่อนำรายได้ไปมอบให้กับห้องปฏิบัติการวิจัยของเจนิเฟอร์ บราวน์[181] และหลังจากที่มีการเปิดเผยว่าเธอคือผู้เขียนหนังสือเสียงเพรียกจากคักคู ยอดขายหนังสือก็ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โรว์ลิงจึงได้ประกาศว่าเธอจะบริจาคเงินค่าลิขสิทธิ์ของเธอให้กับกองทุนการกุศลกองทัพ โดยบอกว่าเธอตั้งใจที่จะทำมาตลอดแต่ไม่เคยคิดว่าหนังสือจะขายดี[182]

โรว์ลิงยังให้การสนับสนุนมูลนิธิแชนนอนทรัสต์ ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ดำเนินโครงการโทลบายโทลรีดดิงและโครงการเดอะแชนนอนรีดดิงในคุกของเกาะอังกฤษ ให้การช่วยเหลือและให้ความรู้แก่นักโทษที่ไม่สามารถอ่านหนังสือออก[183]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เจ. เค. โรว์ลิง http://www.heraldsun.com.au/news/breaking-news/jk-... http://www.cbc.ca/news/arts/books/story/2007/08/19... http://books.google.ca/books?id=E5V4zfHYaw0C&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=GJgbW9c9mpwC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=J_IPN8UMf7IC&pg=PA... http://www.abebooks.com/blog/index.php/2013/07/18/... http://genealogy.about.com/od/famous_family_trees/... http://www.azcentral.com/ent/arts/articles/0709row... http://www.barnesandnoble.com/writers/writerdetail... http://harrypotter.bloomsbury.com/author/awards